4.คิวชู (Kyushu / 九州)
1.ภูเขาอะโสะ (Mount Aso)
ภูเขาลูกใหญ่ที่ยังคงคุกกรุ่นอยู่แถมยังเป็น 1 ในภูเขาไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย มีลักษณะเป็นหลุมภูเขา ซึ่งเกิดจากการยุบตัวของพื้นผิวนั่นเอง สึ่งที่นี่ก็มีสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวก็คือ นากาดาเกะ หนึ่งในยอดเขาทั้งห้าที่ล้อมรอบ ภูเขาอะโสะ สามารถเข้าถึงได้ง่ายด้วยรถยนต์ กระเช้าลอยฟ้า หรือจะเดินก็ได้ นอกจากนี้ยังมีวิวธรรมชาติที่สามารถมองเห็นได้จากบนภูเขาอีกด้วย
แต่อยากให้ระมัดระวังมากๆ เพราะถ้าภูเขาไฟมีก๊าซพิษออกมามากเกินไปอาจจะก่อให้เกิดอันตายได้ หรือถ้าจะมีการปะทุล่ะก็ ขอให้เลี่ยงไปก่อน ดังนั้นควรเช็คให้ดีก่อนว่าสามารถไปได้ช่วงไหนบ้าง แต่ถ้าสถานการณ์ปกติก็สามารถเที่ยวชมความสวยงามได้อย่างเต็มที่เลย
เวลาทำการ : 9.00 น.- 17.00 น. (รอบสุดท้าย 16.30 น.)
2.สวนสาธารณะมาอิซุรุ (Maizuru Park)
สวนสาธารณะมาอิซุรุ (Maizuru Park) คือ ซากปราสาทที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของปราสาทฟุกุโอกะ แต่ปัจจุบันเหลือเพียงกำแพงส่วนฐานกับป้อมปราการที่ถูกทิ้งร้างไปนาน และถูกปรับให้กลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ไว้สำหรับชมวิวของเมืองฟุกุโอกะ เป็นสวนขนาดเล็ก แต่ความสวยงามไม่แพ้ที่อื่น และยังเป็นจุดชมซากุระอีกด้วย
เราสามารถชมซากุระว่า 1,000 ต้น ได้ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ซึ่งกำแพงหินของปราสาทจะเต็มไปด้วยดอกซากุระสวยงามตระการตาเลยทีเดียวแหละ
เวลาทำการ : เมษายน – กันยายน 9.00-19.00 น. / ตุลาคม – มีนาคม 9.00-18.00 น.
3.น้ำตกมิคาเอริ (Mikaeri No Taki Falls)
แวะมาเที่ยวที่ซากะก็อย่ามาที่น้ำตกมิคาเรอิกันด้วยนะ เพราะที่นี่ได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 น้ำตกที่สวยที่สุด
แต่ก็สวยจริงๆ นั่นแหละ อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ สูดอากาศดีๆ คงรู้สึกฟินแน่นอน แถมริมธารของน้ำที่ไหลอยู่นั้นยังมีดอกซากุระและดอกไม้เปลี่ยนสีอีกด้วย
และที่พิเศษสุดๆ เลยก็คือ ที่นี่มีการจัดเทศกาลดอกไฮเดรนเยียด้วย ซึ่งจะจัดในเดือนมิถุนายนของทุกปีเลย มีมากถึง 40,000 ต้นเลยนะ เป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่น่ามาเที่ยวมากๆ เลย
เวลาทำการ : เปิดตลอดทั้งปี
4.พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Marine World)
ขอเปลี่ยนบรรยากาศพามาเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำกันบ้าง Marine World เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดใหญ่อยู่ในเมืองฟุกุโอกะ ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยทะเล ที่นี่มีสัตว์น้ำหลากหลายชนิดเลย ไม่ว่าจะเป็นนาก เต่า โลมา และอีกเพียบ และที่นี่ก็ยังมีตู้ปลาที่มีลักษณะเป็นทรงกระบอกสูงประมาณ 10 เมตร ภายในตู้เราก็จะเห็นฝูงปลาว่ายไปมาด้วย สวยมากๆ ให้ความรู้สึกเหมือนอยู๋โลกใต้ทะเลเลยแหละ
และไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ การแสดงโชว์ของโลมา เราจะได้พบกับโลมาที่มาว่ายน้ำ โชว์ความสามารถต่างๆ แถมยังเป็นโอกาสที่เราจะได้ใกล้ชิดกับพวกเขาด้วยนะ ซึ่งการแสดงนั้นจะจัดแสดงวันละ 3-4 รอบ ใครมาที่นี่ล่ะก็ต้องห้ามพลาดการแสดงโชว์นี้เลยนะ
เวลาทำการ : 10.00-17.00 น. (เข้าชมรอบสุดท้าย 16.00 น.)
ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่, นักเรียนมัธยม 2,350 เยน / นักเรียนประถม 1,100 เยน /
เด็ก (3 ปีและต่ำกว่านักเรียนประถม) 600 เยน
5.บ่อนรก (Umi Jigoku)
มาเมืองแห่งออนเซ็นแต่ไม่พูดถึงออนเซ็นเลยก็คงจะแปลก เพราะที่ Umi Jigoku แห่งนี้เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่มีน้ำเป็นสีฟ้าน้ำทะเล ซึ่งเกิดขึ้นมาจากการระเบิดของภูเขาไฟสึรุมิ ประมารณ 1,200 ปีที่แล้ว น้ำพุร้อนมีอุณหภูมิสูงถึง 98 องศาเซลเซียสซึ่งถือว่าสูงมากเลยนะ เราจะมองเห็นควันลอยมาจากบ่อน้ำตลอดเลยแหละ แต่ที่นี่ก็ไม่ได้มีแค่บ่อสีฟ้าน้ำทะเลนี่หรอกนะ ยังงมีบ่อสีแดงอีกด้วย ซึ่งก็เป็นอีกสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวเลยไม่พอแค่นั้นนะ ในฤดูใบไม้ร่วงหรือใบไม้เปลี่ยนสีนั้น ต้นไม้บริเวณรอบๆ บ่อก็ยังเปลี่ยนสีเป็นแดง ส้ม เหลือง สวยงาม พอเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิก็มีซากุระให้ได้ชม เอาเป็นว่ามาที่นี่แล้วได้ความประทับใจกลับไปแน่นอน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น